สารเร่งซุปเปอร์ พด.1(ใช้ผลิตปุ๋ยหมัก)
ปุ๋ยหมัก
เป็นปุ๋ยอินทรีย์ชนิดหนึ่งเกิดจากการนำซากหรือเศษเหลือจากพืชมาหมักรวมกัน
และผ่านกระบวนการย่อยสลายโดยกิจกรรมจุลินทรีย์
จนเปลี่ยนสภาพไปจากเดิมเป็นวัสดุที่มีลักษณะอ่อนนุ่ม เปื่อยยุ่ย
ไม่แข็งกระด้าง และมีสีน้ำตาลปนดำ
สารเร่งซุปเปอร์ พด.1 :เป็นกลุ่มจุลินทรีย์
ที่มีประสิทธิภาพสูงในการย่อยสลายวัสดุเหลือใชจากการเกษตร
และอุตสาหกรรมแปรรูป
ผลผลิตทางการเกษตรเพื่อผลิตปุ๋ยหมักในเวลารวดเร็วและมีคุณภาพสูงขึ้น
ประกอบด้วยเชื้อรา และแอคติโนมัยซีสที่ย่อยสารประกอบเซลลูโลส
และแบคทีเรียที่ย่อยไขมัน
++ จุดเด่นของสารเร่งซุปเปอร์ พด.1 ++
1.มีประสิทธิภาพสูงในการย่อยสารประกอบเซลลูโลส
2.สามารถย่อยสลายน้ำมัน/ไขมันในวัสดุหมักที่สลายตัวยาก
3.ผลิตปุ๋ยหมักในระยะเวลารวดเร็ว และมีคุณภาพ
4.เป็นจุลินทรีย์ที่ทนอุณหภูมิสูง
5.เป็นจุลินทรีย์ที่สามารถสร้างสปอร์จึงเก็บรักษาผลิตภัณฑ์ได้นาน
6.สามารถย่อยวัสดุเหลือใช้ได้หลากหลายและครอบคลุมมากขึ้น
++ ส่วนผสมของวัสดุ ++ในการกองปุ๋ยหมัก 1 ตัน
1. เศษพืชแห้ง จำนวน 1,000 กิโลกรัม
2. มูลสัตว์ จำนวน 200 กิโลกรัม
3. ปุ๋ยไนโตรเจน จำนวน 2 กิโลกรัม
4. สารเร่งซุปเปอร์ พด.1 จำนวน 1 กิโลกรัม
วิธีการกองปุ๋ยหมัก :การกองปุ๋ยหมัก 1 ตัน มีขนาดความกว้าง 2 เมตร
ยาว 3 เมตร สูง 1.5 เมตร การกองมี 2 วิธี
ขึ้นกับชนิดของวัสดุที่มีขนาดเล็กให้คลุกเคล้าวัสดุให้เข้ากันแล้วจึงกอง
เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ส่วนวัสดุที่มีชิ้นส่วนยาวให้กองเป็นชั้น ๆ
ประมาณ 3-4 ชั้น โดยแบ่งส่วนผสมที่จะกองออกเป็น 3-4 ส่วน
ตามจำนวนชั้นที่จะกอง มีวิธีการกองดังนี้
1. ผสมสารเร่งซุปเปอร์ พด.1 ในน้ำ 20 ลิตร นาน 10-15 นาที
เพื่อกระตุ้นให้จุลินทรีย์ออกจากสภาพที่เป็นสปอร์และพร้อมที่จะเกิดกิจกรรม
การย่อยสลาย
2.การกองชั้นแรกให้นำวัสดุที่แบ่งไว้ส่วนที่หนึ่งมากองเป็นชั้นมีขนาดกว้าง
2 เมตร ยาว 3 เมตร สูง 30-40 เซนติเมตร ย่ำให้พอแน่นและรดน้ำให้ชุ่ม
3.นำมูลสัตว์โรยที่ผิวหน้าเศษพืช ตามด้วยปุ๋ยไนโตรเจน แล้วราดสารละลายสารเร่งซุปเปอร์ พด.1 ให้ทั่ว โดยแบ่งใส่เป็นชั้น ๆ
4.หลังจากนั้นนำเศษพืชมากองทับเพื่อทำชั้นต่อไป
ปฏิบัติเหมือนการกองชั้นแรก ทำเช่นนี้อีก 2-3 ชั้น
ชั้นบนสุดของกองปุ๋ยควรปิดทับด้วยเศษพืชที่เหลืออยู่เพื่อป้องกันการสูญเสีย
ความชื้น
การดูแลรักษากองปุ๋ยหมัก :
1. รดน้ำรักษาความชื้นในกองปุ๋ย : ให้มีความชื้นประมาณ 50-60%
2. การกลับกองปุ๋ยหมัก : กลับกอง 10 วันต่อครั้ง เพื่อเพิ่มออกซิเจน
ลดความร้อนในกองปุ๋ย และช่วยให้วัสดุคลุกเคล้ากัน
หรือใช้ไม้ไผ่เจาะรูให้ทะลุตลอดทั้งลำและเจาะรูด้านข้างปักรอบ ๆ
กองปุ๋ยหมัก ห่างกันลำละ 50-70 เซนติเมตร
3. การเก็บรักษากองปุ๋ยหมักที่เสร็จแล้ว : เก็บไว้ในโรงเรือน อย่าตากแดดและฝนจะทำให้ธาตุอาหารพืชในปุ๋ยหมักสูญเสียไปได้
++ หลักการพิจารณาปุ๋ยหมักที่เสร็จสมบูรณ์แล้ว ++
1.สี : มีสีน้ำตาลเข้มจนถึงสีดำ
2.ลักษณะ : อ่อนนุ่ม ยุ่ย ไม่แข็งกระด้างและขาดออกจากกันได้ง่าย
3.กลิ่น : ปุ๋ยหมักที่เสร็จสมบูรณ์จะไม่มีกลิ่นเหม็น
4.ความร้อนในกองปุ๋ย : อุณหภูมิภายในกองปุ๋ยใกล้เคียงกับอุณหภูมิภายนอกกอง
5.การเจริญของพืชบนกองปุ๋ยหมัก : พืชสามารถเจริญบนกองปุ๋ยหมักได้โดยไม่เป็นอันตราย
6.การวิเคราะห์ทางเคมี : ค่าอัตราส่วนคาร์บอนต่อไนโตรเจนเท่ากับหรือต่ำกว่า 20 : 1
อัตราและวิธีการใช้ปุ๋ยหมัก :
ข้าว : ใช้ 2 ตันต่อไร่ หว่านให้ทั่วพื้นที่แล้วไถกลบก่อนปลูกพืช
พืชไร่ : ใช้ 2 ตันต่อไร่ โรยเป็นแถวตามแนวปลูกพืช แล้วคลุกเคล้ากับดิน
พืชผัก : ใช้ 4 ตันต่อไร่ หว่านทั่วแปลงปลูกไถกลบขณะเตรียมดิน
ไม้ผล ไม้ยืนต้น :
เตรียมหลุมปลูก : ใช้ 20 กิโลกรัมต่อหลุม คลุกเคล้าปุ๋ยหมักกับดินใส่รองก้นหลุม
ต้นพืชที่เจริญแล้ว : ใช้ 20-50 กิโลกรัมต่อต้น ขึ้นกับอายุของพืช
โดยขุดร่องตามแนวทรงพุ่มใส่ปุ๋ยหมักในร่องและกลบด้วยดิน
หรือหว่านให้ทั่วภายใต้ทรงพุ่ม
ไม้ตัดดอก : ใส่ปุ๋ยหมัก 2 ตันต่อไร่ ไม้ดอกยืนต้นใช้ 5-10 กิโลกรัมต่อหลุม
หมายเหตุ :ควรใส่ปุ๋ยหมักช่วงเตรียมดิน และไถกลบขณะที่ดินมีความชื้นเพียงพอ จะทำให้ธาตุอาหารเป็นประโยชน์ต่อพืชสูงสุด
++ ประโยชน์ของปุ๋ยหมัก ++
1. ปรับปรุงสมบัติทางกายภาพของดิน ทำให้ดินร่วนซุย การระบายอากาศ และการอุ้มน้ำของดินดีขึ้น รากพืชแพร่กระจายได้ดี
2. เป็นแหล่งธาตุอาหารพืชทั้งธาตุอาหารหลัก ธาตุอาหารรอง และจุลธาตุ
3. ดูดยึดและเป็นแหล่งเก็บธาตุอาหารในดินไม่ให้ถูกชะล้างสูญเสียไปได้ง่าย และปลดปล่อยออกมาให้พืชใช้ประโยชน์ทีละน้อยตลอดฤดูปลูก
4. เพิ่มความต้านทานต่อการเปลี่ยนแปลงความเป็นกรดเป็นด่างของดิน
5. เพิ่มแหล่งอาหารของจุลินทรีย์ดิน ทำให้ปริมาณและกิจกรรมจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ในดินเพิ่มขึ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น